จิงโจ้ (เทพปกรณัม)
จิงโจ้ (เทพปกรณัม)

จิงโจ้ (เทพปกรณัม)

จิงโจ้ เป็นสัตว์ในจินตนาการชนิดหนึ่งของไทย มีรูปร่างหน้าตาอย่างมนุษย์แต่มีปีกและตีนอย่างนก คล้ายอรหันและกินรี โดยชื่อ จิงโจ้ นี้ เป็นชื่อนกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ร้องเสียง จี-โจ้ จี-โจ้ เมื่อร้องก็จะโยกหัวและตัวไปมา แลดูยงโย่ยงหยก[1][2] ปรากฏในพระราชนิพนธ์ อิเหนา ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ความว่า[3][4]ด้วยลักษณะของนกจิงโจ้นี้ ชาวไทยจึงนำไปจินตนาการเป็นสัตว์พิเศษขึ้นมา[2] ปรากฏภาพจิงโจ้โล้สำเภาที่บานหน้าต่างภายในอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นภาพลายรดน้ำสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นภาพหมากำลังเห่าตัวประหลาดคือตัวจิงโจ้ที่เกาะหัวเรือสำเภา จะตกแหล่ไม่ตกแหล่[4] จากภาพนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ว่า "การที่เอาคำเด็กร้องเล่นมาเขียนเป็นรูปภาพที่วัดพระเชตุพนคงเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นแน่ และเมื่อเขียนรูปภาพแล้วคงได้ทอดพระเนตร มิใช่รูปเขียนตามอำเภอใจช่าง ที่ช่างเขียนรูปจิงโจ้หน้าเป็นมนุษย์ ตีนเป็นนกนั้น ต้องมีอะไรเป็นหลักฐานว่า รูปร่างจิงโจ้เป็นเช่นนั้น"[2] เพราะช่างเขียนทราบว่าจิงโจ้เป็นนก หากจะวาดเป็นนก ก็จะขัดกับบทร้องเพลง ที่ระบุว่าจิงโจ้สามารถดำผุดดำว่ายในน้ำได้ จึงวาดให้จิงโจ้มีความเป็นมนุษย์มากกว่านก[4] บ้างอธิบายว่าเป็น "คนประหลาด" หรือ "สัตว์ประหลาด"[5]จิงโจ้ปรากฏในบทเพลงกล่อมเด็กในสมัยก่อน ตามอย่างบทร้องโดยราชบัณฑิตยสภา ความว่า[2]หรือตามอย่างบทร้องใน ฉันท์เยาวพจน์ ของเปโมรา ความว่า[4][6]ส่วนภาพจิงโจ้โล้สำเภาที่บานหน้าต่างด้านล่างภายในอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ของเดิมตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวถูกลบทิ้งเมื่อ พ.ศ. 2525[7]ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการตั้งโขลนเป็นทหารหญิง ก็ทรงเรียกว่าจิงโจ้[5] ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวไทยรู้จักแกงการู (สมัยนั้นเรียกว่า กังกูลู) สัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย จึงเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า "จิงโจ้" ด้วยเป็นสัตว์แปลก มักยืนยงโย่ยงหยก ตั้งแต่ พ.ศ. 2404–2439 เป็นต้นมา ปรากฏการใช้ชื่อ "จิงโจ้" สำหรับ "แกงการู" ในพจนานุกรม ศริพจน์ภาษาไทย์ ของบาทหลวงฌ็อง-บาติสต์ ปาลกัว แก้ไขเพิ่มเติมโดยบาทหลวงเวย์ ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2439[8] ดังคำกราบทูลของพระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) ต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2483 ความว่า "ข้าพเจ้าสืบได้ความมาอย่างนี้ จิ้งโจ้ เดิมเป็นชื่อนก คือ นกจีโจ้ โดยที่นกอย่างนี้มีอาการโยกไปย้ายมาไม่อยู่นิ่ง ไปเข้ากับคำว่า จิ้ง และ จี้ ในภาษาไทยใหญ่และไทยย้อย แปลว่า โคลง จึงเอาลักษณะนั้นมาตั้งให้ตัวแกงกะรู..."[9]